
ในยุคที่ระบบเครือข่ายเป็นหัวใจสำคัญขององค์กร การควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงอุปกรณ์เครือข่าย เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากไม่มีระบบตรวจสอบที่ดี องค์กรอาจเผชิญกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ทั้งจากบุคคลภายในและภายนอก
TACACS+ (Terminal Access Controller Access-Control System Plus) เป็นโปรโตคอลที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถ จัดการการพิสูจน์ตัวตน (Authentication), การกำหนดสิทธิ์ (Authorization), และการบันทึกบัญชีการใช้งาน (Accounting) ของผู้ใช้ที่เข้าถึงอุปกรณ์เครือข่าย ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
แม้ว่า TACACS+ จะพัฒนาโดย Cisco แต่ก็สามารถนำไปใช้กับอุปกรณ์เครือข่ายจากผู้ผลิตอื่นๆ ได้เช่นกัน ทำให้เป็น มาตรฐานกลางที่องค์กรสามารถใช้ควบคุมการเข้าถึงระบบเครือข่ายได้อย่างยืดหยุ่น
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกว่า TACACS+ คืออะไร? ทำงานอย่างไร? และเหตุใดองค์กรของคุณควรนำมาใช้งาน
TACACS+ คืออะไร
TACACS+ (Terminal Access Controller Access Control System Plus) เป็นโปรโตคอลที่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบเครือข่ายสามารถ ควบคุมการเข้าถึงอุปกรณ์เครือข่ายได้อย่างปลอดภัย โดยทำหน้าที่ ตรวจสอบตัวตน (Authentication), กำหนดสิทธิ์การใช้งาน (Authorization), และบันทึกกิจกรรมของผู้ใช้ (Accounting) TACACS+ ถูกพัฒนาโดย Cisco Systems ในช่วงต้นปี 1990 โดยเป็นเวอร์ชันที่พัฒนาต่อมาจากระบบเดิมที่เรียกว่า TACACS และ XTACACS ปัจจุบัน TACACS+ ได้กลายเป็นมาตรฐานที่นิยมใช้ในเครือข่ายองค์กรและศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่
ทำไม TACACS+ ถึงสำคัญต่อระบบเครือข่าย?
TACACS+ เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด AAA (Authentication, Authorization, and Accounting) ซึ่งช่วยให้ระบบเครือข่ายมีความปลอดภัยมากขึ้น:
Authentication (การพิสูจน์ตัวตน) – ตรวจสอบว่าผู้ใช้คือใครก่อนให้เข้าถึงระบบ
Authorization (การอนุญาต) – กำหนดสิทธิ์ว่าผู้ใช้แต่ละคนสามารถทำอะไรได้บ้าง
Accounting (การบันทึกบัญชี) – ติดตามและบันทึกกิจกรรมของผู้ใช้ เพื่อใช้ในการตรวจสอบย้อนหลัง
นอกจากนี้ TACACS+ ยังรองรับการพิสูจน์ตัวตนหลายแบบ โดย TACACS+ สามารถตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้ได้ทั้งแบบ รหัสผ่านปกติ, รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว (OTP), หรือคำถามเพื่อยืนยันตัวตน เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
TACACS+ สามารถบันทึกข้อมูลกิจกรรมของผู้ใช้ TACACS+ จะเก็บข้อมูลว่า ใครล็อกอินเข้าใช้งาน, ใช้คำสั่งอะไรบ้าง และเข้าถึงข้อมูลอะไร ซึ่งช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถตรวจสอบย้อนหลัง หรือแก้ไขปัญหาความปลอดภัยได้ง่ายขึ้น
TACACS+ เป็นระบบที่ช่วยให้องค์กร ควบคุมและติดตามการเข้าถึงเครือข่ายได้อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต และช่วยให้การบริหารจัดการระบบเครือข่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้น
TACACS+ ทำงานอย่างไร?
TACACS+ ใช้ระบบ ไคลเอนต์ – เซิร์ฟเวอร์ ซึ่งหมายความว่า อุปกรณ์เครือข่าย (ไคลเอนต์) จะส่งคำขอไปยัง เซิร์ฟเวอร์ TACACS+ เพื่อตรวจสอบสิทธิ์ของผู้ใช้และอนุญาตให้เข้าถึงเครือข่าย
TACACS+ มีระบบ เข้ารหัสข้อมูล ระหว่างอุปกรณ์และเซิร์ฟเวอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลหรือถูกดักฟัง และยังใช้ โปรโตคอล TCP ซึ่งช่วยให้การส่งข้อมูลมีความเสถียร ไม่สูญหายง่าย
ขั้นตอนการทำงานของ TACACS+ เบื้องต้น
1 – อุปกรณ์เครือข่ายส่งคำขอไปยังเซิร์ฟเวอร์ TACACS+ เพื่อขอตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้
⬇
2 – เซิร์ฟเวอร์ TACACS+ ตรวจสอบฐานข้อมูลว่าผู้ใช้มีสิทธิ์เข้าระบบหรือไม่
⬇
3 – ถ้าข้อมูลถูกต้อง เซิร์ฟเวอร์ TACACS+ จะส่งข้อความอนุญาตกลับไปที่อุปกรณ์เครือข่าย
⬇
4 – อุปกรณ์เครือข่ายใช้ข้อมูลนี้เพื่อตัดสินใจว่าผู้ใช้สามารถเข้าถึงอะไรได้บ้าง
⬇
5 – หากอนุญาต ระบบจะเปิดให้ใช้งาน และบันทึกข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับการใช้ระบบของผู้ใช้นั้น
TACACS+ แตกต่างจาก RADIUS อย่างไร
แม้ว่าทั้ง TACACS+ และ RADIUS จะเป็นโปรโตคอล AAA ที่ใช้สำหรับการจัดการการเข้าถึงเครือข่าย แต่ก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกันและการใช้งานในจุดประสงค์ที่ต่างกันไปด้วย โดยเราจะเปรียบเทียบให้เห็นเบื้องต้นตามตารางนี้
โดยสรุปคือ RADIUS จะเหมาะสำหรับสถานการณ์การเข้าถึงระยะไกลส่วนใหญ่ เช่น เมื่อต้องการรักษาความปลอดภัยการเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือ VPN เพราะทำงานที่ Application Layer และจัดการการพิสูจน์ตัวตนผู้ใช้และการจัดการการเข้าถึง ในทางกลับกัน TACACS+ จะโดดเด่นในสภาพแวดล้อมที่มีความปลอดภัยสูง ซึ่งจำเป็นต้องตรวจสอบทุกการภายในองค์กร
จุดแข็งและจุดอ่อนของ TACACS+
จุดแข็ง
- ความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น: TACACS+ เข้ารหัสการรับส่งข้อมูลทั้งหมดระหว่างไคลเอนต์และเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งช่วยปกป้องข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้และการรับส่งข้อมูลเครือข่ายจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ความยืดหยุ่นที่มากขึ้น: TACACS+ ช่วยให้สามารถควบคุมการอนุญาตได้ละเอียดกว่า RADIUS ผู้ดูแลระบบสามารถปรับแต่งทรัพยากรที่ผู้ใช้ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงตามบทบาทหรือการเป็นสมาชิกกลุ่ม นอกจากนี้ การแยกการพิสูจน์ตัวตนและการอนุญาตใน TACACS+ ช่วยให้นโยบายความปลอดภัยมีความยืดหยุ่นและปรับแต่งได้มากขึ้น
- ความสามารถในการปรับขนาด: TACACS+ ได้รับการออกแบบมาเพื่อปรับขนาดให้เข้ากับเครือข่ายขนาดใหญ่ที่มีผู้ใช้จำนวนมาก
- การอนุญาตแบบต่อคำสั่ง: TACACS+ ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถควบคุมคำสั่งที่ผู้ใช้ได้รับอนุญาตให้เรียกใช้บนอุปกรณ์เครือข่าย ซึ่งช่วยป้องกันการเข้าถึงคำสั่งที่ละเอียดอ่อนโดยไม่ได้รับอนุญาต
- การบันทึกการตรวจสอบ: TACACS+ เก็บบันทึกการตรวจสอบโดยละเอียดของเหตุการณ์การพิสูจน์ตัวตน การอนุญาต และการบันทึกบัญชีทั้งหมด ซึ่งช่วยในการติดตามกิจกรรมของผู้ใช้และแก้ไขปัญหาเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย
- การแยกหน้าที่: TACACS+ แยกการพิสูจน์ตัวตน การอนุญาต และการบันทึกบัญชีออกเป็นกระบวนการที่แตกต่างกัน ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความยืดหยุ่นในการจัดการการเข้าถึง
จุดอ่อน
- ความซับซ้อน: TACACS+ อาจมีความซับซ้อนในการตั้งค่าและกำหนดค่ามากกว่า RADIUS การจัดการการกำหนดค่าที่ซับซ้อนด้วยบริการที่แตกต่างกันสามอย่างที่ต้องดูแลรักษา
- ค่าใช้จ่าย: เซิร์ฟเวอร์ TACACS+ มักมีราคาแพงกว่าเซิร์ฟเวอร์ RADIUS โดยทั่วไปแล้ว TACACS+ ต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้นและมีราคาแพงกว่าในการใช้งาน
- การสนับสนุนจากผู้ขาย: ไม่ใช่อุปกรณ์เครือข่ายและเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดที่รองรับ TACACS+
- จุดบกพร่องเดียว: หากเซิร์ฟเวอร์ TACACS+ ล่ม อาจทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าถึงเครือข่ายได้ สถาปัตยกรรมการเชื่อมต่อแบบแน่นหนาต้องการเซิร์ฟเวอร์ที่ทำงานอย่างถูกต้อง
- ข้อจำกัดด้านการเข้ารหัส: แม้ว่า TACACS+ จะเข้ารหัสแพ็กเก็ตทั้งหมด แต่ก็ยังมีข้อจำกัดด้านความปลอดภัยอยู่บ้าง การเข้ารหัสจำกัดการมองเห็นการสื่อสารของผู้ใช้สำหรับการแก้ไขปัญหา
เมื่อใดควรใช้ TACACS+
การเลือกใช้ TACACS+ ขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะของแต่ละองค์กร โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดของเครือข่าย ระดับความปลอดภัยที่ต้องการ งบประมาณ และความเข้ากันได้กับอุปกรณ์ที่มีอยู่ TACACS+ เหมาะสำหรับองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความยืดหยุ่นในการจัดการอุปกรณ์เครือข่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีความปลอดภัยสูงที่ต้องการการควบคุมการเข้าถึงในระดับคำสั่ง TACACS+ ยังเหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการบันทึกการตรวจสอบโดยละเอียดเพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามข้อกำหนด
สรุป
TACACS+ มีความปลอดภัยและความยืดหยุ่นในการจัดการมากกว่า RADIUS แต่ก็มีความซับซ้อนในการตั้งค่ามากกว่า ดังนั้นการเลือกใช้โปรโตคอลใดขึ้นอยู่กับความต้องการและลักษณะของเครือข่าย หากต้องการความปลอดภัยสูงและมีการจัดการที่ซับซ้อน TACACS+ เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่หากต้องการความง่ายในการตั้งค่าและการใช้งาน RADIUS ก็เพียงพอ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่เข้ามาอ่านเพื่อทำความเข้าใจและจะตัดสินใจเลือกใช้งาน TACACS+ ในการดูแลระบบเครือข่ายนะครับ
ที่มา :
RADIUS vs TACACS+: A Breakdown For Decision Makers – Portnox