
การบริหารจัดการเครือข่ายไร้สายที่มีเสถียรภาพและต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญในระบบเครือข่ายสมัยใหม่ Wireless LAN Controller (WLC) รุ่น C9800 ของ Cisco ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ หนึ่งในฟีเจอร์ที่โดดเด่นคือ “FlexConnect” ซึ่งช่วยให้ Access Point (AP) สามารถดำเนินการได้อย่างอิสระ แม้ในกรณีที่ WLC ไม่สามารถเชื่อมต่อได้
บทความนี้จะแนะนำขั้นตอนการตั้งค่า FlexConnect ใน WLC C9800 อย่างละเอียด เพื่อให้เครือข่ายของคุณสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องและราบรื่น
เริ่มต้น ให้เรา Login และเปิดเข้ามาใน WLC ที่เราจัดการจากนั้น ไปที่เมนู Wireless Setup และ Select Type เป็น Advanced
จากนั้นจะมีหน้าแนะนำสำหรับการ Setup แบบ Advanced ขึ้นมาแนะนำ ให้เรากดไปที่ Start Now
จากนั้นเราจะเริ่มต้นหน้าสำหรับการ Setup Wireless โดยเราจะไปทีละขั้นตอนนะครับ
Step 1: Add new WLAN Profile
ให้เรากดที่เครื่องหมาย + เพื่อเพิ่ม WLAN Profile สำหรับที่เราจะทำ FlexConnect
จากนั้นในหน้า General เราจะตั้งค่า WLAN Profile SSID และการ Enable ใช้งานต่างๆดังนี้ครับ
ในส่วนของ Security เราจะแก้ไขใน Layer2 ตามนี้นะครับ(ในที่นี้จะใช้เป็น PSK ครับ)
เมื่อเราตั้งค่าเรียบร้อยเราจะได้ WLAN Profile มาครับ
Step 2: Add New Policy Profile
ทำการกดเครื่องหมายบวกที่ Policy Profile และตั้งค่าในหน้า General ตามนี้ครับ
โดยเราจะ Disable Central Switching ไว้เพื่อที่จะสามารถใช้งาน FlexConnect ได้
ในแท็บของ Access Policies
เราจะกำหนด VLAN เพื่อแมป WLAN กับ VLAN ที่เราจะใช้งาน ในที่นี้เราใช้เป็น VLAN199
จากนั้นกด Apply to Device เราก็จะได้ Policy Profile มาครับ
Step 3: Add new Policy Tag
เราจะทำการเพิ่ม Policy Tag ตัวใหม่ขึ้นมาเพื่อใช้ในการ Tag กับ AP ของเรา โดยให้เราตั้งชื่อ Tag จากนั้นเราจะ Map WLAN กับ Policy เข้าไป โดยการกด + Add และให้เลือก WLAN Profile และ Policy Profile เป็นอันที่เราสร้างมาในขั้นตอนก่อนหน้านั้น จากนั้นกดเครื่องหมายติ๊กถูก
กด Apply to Device เราก็จะได้ Policy Tag ที่เราสร้างสำหรับใช้งานในการทำ FlexConnect
Step 4: Add new AP Join Profile
ตั้งชื่อและเปลี่ยน Country Code สำหรับ AP Join Profile
จากนั้นกด Apply to Device เราก็จะได้ AP Join Profile มาครับ
Step 5: Add New Flex Profile
ในแท็บ General เราจะตั้งชื่อและใส่ Native VLAN ID ของเราครับ
จากนั้นในแท็บ VLAN ให้เราใส่ VLAN ที่เราจะใช้งานกับ AP กลุ่มนั้น
ส่วนในกรณีที่มี Radius Server ให้เราตั้งค่าในแท็บ Local Authentication และต้องการจัดการ ACL ให้เราตั้งค่าในแท็บ Policy ACL
จากนั้นกด Apply to Device เราก็จะได้ Flex Profile มาตามที่เราตั้งค่า
Step 6: Add new Site Tag
ตั้งชื่อสำหรับ Site Tag ใส่ AP Join Profile และ Flex Profile ที่เราได้ตั้งค่าไว้ในขั้นตอนก่อนหน้า
**ระวังอย่ากดเปิด Enable Local Site ไม่อย่างนั้นเราจะไม่สามารถใช้งาน Flex Profile ได้
กด Apply to Device เราก็จะได้ Site Tag ตามที่เราสร้างมาครับ
Step 7: Add new RF Profile
ให้เราสร้าง RF Profile ขึ้นมาและกำหนดค่าตามที่เราต้องการ (สามารถใช้ที่มีอยู่แล้วได้เลยครับ) ในตัวอย่างจะสร้างโดยกำหนด Radio Band เป็นสำหรับ 6GHz band 5GHz Band และ 2.4GHz Band โดยให้เปิด Enable Status ทั้งหมดเพื่อให้ใช้งานได้
หลังจากกด Apply to Device เราจะได้ RF Profile สำหรับการใช้งานครับ
Step 8: Add new Radio Profile
ตั้งชื่อและกำหนดการใช้งานของ Radio Profile ตามที่เราต้องการ
จากนั้นกด Apply to Device เราก็จะได้ Radio Profile มาครับ
Step 9: Add new RF Tag
กำหนดชื่อ RF Tag และใส่ Profile ตามที่เราได้สร้างไว้
Step 10: Tag AP
ทำการกำหนด Tag ให้กับ AP โดยเราจะกดเลือกให้กับ AP ที่เราต้องการเปลี่ยน Tag จากนั้นกดไปที่ + Tag APs
และในช่องสำหรับการกำหนด Tag ให้เราเลือก Policy Tag, Site Tag และ RF Tag จากที่เราได้ตั้งค่ามาในขั้นตอนก่อนหน้านัั้น แล้วกด Apply to Device
AP ของเราจะรีบูตและ Tag จะเปลี่ยนไปเป็นตามที่เราตั้งค่า โดยเราสามารถดู Mode ของ AP ได้ซึ่ง AP จะเปลี่ยนมาเป็น Flex Mode นั่นเอง
หากต้องการทดสอบว่า Flex Mode ทำงานหรือไม่ให้เราเชื่อมต่อ Wi-Fi จาก AP ตัวนั้นและลองดึงเน็ตเวิร์คการ์ดออกจาก WLC เมื่อ WLC ไม่สามารถออก Internet เพื่อเชื่อมต่อกับ AP โดยตรง แต่ AP ยังสามารถปล่อยสัญญาณและใช้งาน Internet ได้แสดงว่าการตั้งค่าให้ AP ใน Mode Flex ทำงานเรียบร้อยครับ