ในยุคที่การทำงานของระบบเครือข่ายและเซิร์ฟเวอร์มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจและการให้บริการเป็นอย่างมาก การตรวจสอบและดูแลรักษาความเสถียรของระบบเป็นสิ่งที่จำเป็นมากขึ้น “Zabbix” จึงเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในการมอนิเตอร์ และแจ้งเตือนการทำงานของระบบแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบสถานะของเซิร์ฟเวอร์ ฮาร์ดแวร์ หรือแม้แต่แอปพลิเคชัน Zabbix สามารถช่วยให้ผู้ดูแลระบบทราบถึงปัญหาก่อนที่มันจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
บทความนี้จะพาคุณไปดูขั้นตอนการติดตั้ง Zabbix อย่างละเอียด เพื่อให้คุณสามารถนำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดสามารถรับชมได้จากบทความด้านล่างได้เลยครับ
วิธีการติดตั้ง Zabbix 7.0 บน CentOS 9
ให้ทำการ download และติดตั้ง CentOS ให้เสร็จก่อนโดยสามารถ download ได้ที่ https://www.centos.org/download/
1.ทำการตั้งตั้งค่า firewalld บน CentOS โดยมี Port ที่ต้องทำการอนุญาตอยู่ก็คือ 80 และ 443 สำหรับ web Zabbix และ Zabbix Server: Port 10051,Zabbix Agent: Port 10050 โดยสามารถใช้ Command ด้านล่างได้เลยครับ
firewall-cmd –zone=public –add-port=10050/tcp –permanent
firewall-cmd –zone=public –add-port=10051/tcp –permanent
firewall-cmd –zone=public –add-port=80/tcp –permanent # if using HTTP for web access
firewall-cmd –zone=public –add-port=443/tcp –permanent # if using HTTPS for web access
firewall-cmd –reload
สามารถตรวจสอบโดยใช้ Command
systemctl status firewalld
firewall-cmd –list-all
2.ทำการติดตั้ง httpd โดยใช้ Command ด้านล่าง
dnf install httpd
และทำการใช้ Command ด้านล่างเพื่อ auto start service ทุกครั้งเมื่อมีการเปิดระบบขึ้นมาใหม่
systemctl start httpd
systemctl enable httpd
3.ทำการติดตั้ง PHP
dnf install php-mysqlnd php-gd php-xml php-bcmath php-ldap php
4.ทำการติดตั้ง Database โดยจะใช้เป็น MariaDB โดยสามารถดูข้อมูลเวอร์ชั่นของ Database ที่ Zabbix รองรับได้ที่
https://www.zabbix.com/documentation/7.0/en/manual/installation/requirements
dnf install mariadb-server
และใช้คำสั่งด้านล่างเพื่อ auto start service ของ MariaDB
systemctl start MariaDB
systemctl enable MariaDB
หลังจากนั้นทำการตั้งค่า MariaDB ใช้ Command ด้านล่าง
mysql_secure_installation
เมื่อเสร็จแล้วสามารถลอง login ได้โดยใช้คำสั่ง mysql -uroot -p ถ้าต้องการ logout ใช้ \q
5.ทำการการติดตั้ง Zabbix repository และ Zabbix Server โดยที่นี้จะเป็นการติดตั้งในเวอร์ชั่น 7 ซึ่งสามารถเข้าไปดูเวอร์ชั่นอื่นๆได้ที่ https://www.zabbix.com/download
rpm -Uvh https://repo.zabbix.com/zabbix/7.0/centos/9/x86_64/zabbix-release-7.0-5.el9.noarch.rpm
dnf install zabbix-server-mysql zabbix-web-mysql zabbix-apache-conf zabbix-sql-scripts zabbix-selinux-policy zabbix-agent
6.Create initial database มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
mysql -uroot -p
create database zabbix character set utf8mb4 collate utf8mb4_bin;
create user zabbix@localhost identified by ‘zabbix’; #zabbix ตรง identified by คือ Password สามารถตั้งได้ตามต้องการเลยครับ
grant all privileges on zabbix.* to zabbix@localhost;
ทำการ import initial schema and data ไปยัง Database ที่เราสร้างโดยใช้ Command
zcat /usr/share/zabbix-sql-scripts/mysql/server.sql.gz | mysql –default-character-set=utf8mb4 -uzabbix -p zabbix
7.Configure database สำหรับ Zabbix server โดยให้เข้าไปแก้ไขไฟล์ zabbix_server.conf โดยสามารถใช้คำสั่ง
vi /etc/zabbix/zabbix_server.conf
โดยให้ทำการเพื่ม DBPassword= Password ของเรา กด i เพื่อ ใส่ข้อมูลเข้าไป เสร็จแล้วกด ESC และ :wq เพื่อออกและทำการบันทึก
9. หลังจากนั้นทำการ Start Zabbix server และ agent ด้วย Command
systemctl restart zabbix-server zabbix-agent httpd php-fpm
systemctl enable zabbix-server zabbix-agent httpd php-fpm
10. เมื่อเสร็จแล้วสามารถไปที่ http://IPaddress ของเครื่องที่เราทำการลง zabbix-server/zabbix/ และทำการตั้งค่าต่างๆตามขั้นตอน
10.1 เลือกภาษาที่ต้องการ
10.2 ทำการตรวจสอบสถานะทั้งหมดว่าอยู่ในสถานะ OK เป็นไปตามที่ระบบต้องการหรือไม่
10.3 ทำการการเชื่อมต่อกับ Database โดยให้ใส่ข้อมูล Database ของเรา
10.4 ทำการตั้งค่า Zabbix server name,Time zone และ Theme
หลังจากนั้นระบบก็จะขึ้นสรุปข้อมูลทั้งหมดที่เราได้ทำการตั้งค่าไว้สามารถกด Next step และ Finish เป็นอันเสร็จสิ้น
หลังจากนั้นก็สามารถ Login เข้าใช้งาน Zabbix ได้เลยครับ โดยDefault Username และ Password ของ Zabbix จะเป็น Username = Admin ,Password= zabbix