กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ผมได้ยินว่า Cisco เปิดตัว Hyperflex Edge โดยไม่ต้องใช้การเชื่อมต่อเข้ากับ Fabric Interconnect หรือ FI ซึ่งหากไม่มีการเชื่อมต่อ Facbric Interconnect ก็จะไม่มี UCS Manager ดังนั้นการกำหนดค่าต่าง ๆ หรือการ Deploy Hyperflex Edge จะทำโดยใช้ Cisco Intersight ข้อดีอีกอย่างคือในดาต้าเซ็นเตอร์ของเราไม่จำเป็นต้องปรับใช้คลัสเตอร์ 3-Node ขั้นต่ำแบบเดิมอีกต่อไป เราสามารถปรับใช้เป็นคลัสเตอร์ 2-Node ซึ่งเหมาะสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดเล็กโดย Hyperflex Edge
ก่อนหน้านี้เมื่อเราต้องการ Deploy Hyperflex Edge ผู้ดูแลระบบจะต้องใช้ Hyperflex Installer ลงบนเครื่อง Server แยกออกไป และ Deploy กลับเข้ามายัง Cluster ที่เตรียมไว้ รวมไปถึงติดตั้งตัว VMware vCenter ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักรอไว้ในการ deploy ครับ ทางผมเคยได้ Deploy Hyperflex Edge ชุดแรกของไทยให้กับหน่วยงานหนึ่งเมื่อ 7 ปีที่แล้ว และปัจจุบันก็ยังคงใช้งานอยู่ ซึ่งเป็นท่าเดียวกันกับการ Deploy Hyperflex ชุดใหญ่ครับ
อย่างไรก็ตาม Cisco ได้เพิ่มวิธี deploy จาก Cisco Intersight มา ซึ่งน่าสนใจมาก และเป็นท่าที่ง่ายสำหรับผู้ดูแลระบบในการ Deploy ระบบนี้ อีกทั้งตัว Cisco Intersight ยังทำหน้าที่เป็นเหมือน Cloud Witness ให้กับ Hyperflex Edge ที่มี 2-Node Cluster ได้อีกด้วยครับ
Cisco Intersight เป็น SaaS Platform (Software as a Service) ที่อยู่บน Cloud ของ Cisco เป็น Platform ในการบริหารจัดการที่จะมาแทนที่ UCS Director และ UCS Central โดยมี 2 License ตามข้อมูลด้านล่างนี้นะครับ
1. Base Edition
- Free version, supports Cisco UCS and HyperFlex
- Global monitoring of health and inventory status
- Integration with Cisco TAC support
- Customized dashboards
- Tagging and basic search
- Context launch of element managers
2.Essentials Edition
- Includes all the functionality of the Base Edition
- Contains policy-based configuration with service profiles
- New virtual appliance deployment option
- Has remote management and vKVM
- Incorporates firmware management with scheduled updates
- Consists of HCL compliance check and upgrade recommendations
- Supports the OpenAPI standard
เนื่องจากบทความนี้จะกล่าวถึงวิธีการปรับใช้งานสำหรับ 2 Node Edge Cluster จาก Intersight เพราะฉะนั้นจะใช้เวอร์ชันลิขสิทธิ์ซึ่งก็คือ Essentials Edition ก็เพียงพอครับ
เอาหล่ะ! เราลองไปไล่เลียงกันดูในแต่ละขั้นตอนนะครับ ผมจะมีหน้าตาตัวอย่างจาก Cisco Intersight ให้ดู ซึ่งบางเมนูจะอธิบายให้เห็นภาพตามไปด้วย
ด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างข้อกำหนดการเดินสายของ Hyperflex 2 Node Edge Cluster เรายังสามารถทำให้ใช้งานได้โดยใช้สวิตช์เพียงแค่ตัวเดียว แต่สำหรับการทำ Redundancy เพิ่มเติม เรามักจะใช้สวิตช์ทั้งหมด 2 ตัวครับ
ภาพด้านล่างเป็นชุดที่เชื่อมต่อด้วยความเร็วที่ 1Gbps ผ่านทาง Top of the Rack Switch
ภาพด้านล่างเป็น Option สำหรับการเชื่อมต่อความเร็วที่ 10Gbps ผ่าน Top of the Rack Switch
เริ่มต้นจากกำหนดการตั้งค่า CIMC ในแต่ละโหนดใหม่ ซึ่งต้องเชื่อมต่อจอภาพ แป้นพิมพ์ และเมาส์เข้ากับอุปกรณ์เซิร์ฟเวอร์ และทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้นะครับ
1- เปิดเซิร์ฟเวอร์และเมื่อได้รับแจ้งตัวเลือกการบู๊ตให้กด F8 เพื่อเข้าสู่ IMC Config Utility
2 – เปลี่ยนรหัสผ่านที่มาจากโรงงาน ซึ่ง default คือ Cisco123 ด้วยรหัสผ่านใหม่ของเราเอง
3 – ตั้งค่า IP Address ถัดไป ตรวจสอบ IPV4 ยกเลิกการเลือก DHCP ที่เปิดใช้งาน และป้อนค่าสำหรับ CIMC IP, Subnet Mask และ Gateway
4 – หากพอร์ตที่เชื่อมต่อมายัง CIMC เป็น Trunk ส่วนของ VLAN ให้ตั้งค่าเป็นเปิดใช้งานและป้อน VLAN ID และเว้นว่างไว้หากเป็นโหมด Access
5 – กด F10 เพื่อบันทึกการตั้งค่า และกด ESC เพื่อออกจากยูทิลิตี้
6 – เปิดเว็บเบราว์เซอร์และลงชื่อเข้าใช้หน้า CIMC โดยใช้ IP ที่เราตั้งค่าไว้แล้ว
7 – เข้าสู่ระบบด้วย user/password ที่ตั้งค่าใหม่และอัปเดตการตั้งค่าอื่น ๆ ที่เราต้องการได้
8 – ทำขั้นตอนนี้ซ้ำในแต่ละโหนดของ Hyperflex Edge
เราต้องตรวจสอบการออกอินเตอร์เน็ตของไอพี CIMC ไปยัง intersight.com และอนุญาตการเชื่อมต่อขาออกที่พอร์ต 443 ด้วยครับ และเมื่อเข้าสู่ระบบ CIMC ในแต่ละเซิร์ฟเวอร์และจากเมนูทางด้านซ้ายมือให้ไปยัง Admin แล้วเลือก Device Connector
ให้เราตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ตั้งค่า Intersight Management เป็น Enabled จากนั้น copy Device ID และ Claim Code พร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไป ในการนำไปใส่ใน Cisco Intersight ตามภาพตัวอย่างด้านล่างนี้
ไปยัง Browser และเข้าไปยัง Cisco Intersight แล้ว หากยังไม่มี Account ตอนนี้ สามารถสร้าง Account ใหม่ได้จาก https://intersight.com/
เมื่อเข้าสู่ระบบแล้วให้เลือกเมนู System ด้านบน และไปยังเมนูด้านซ้ายมือแล้วคลิก Target จากนั้นให้เลือกคลิกปุ่ม Claim a New Target
ให้หน้า Claim a New Target เลือกไปยังอุปกรณ์ Cisco UCS Domain (Intersight Managed) แล้วคลิกปุ่ม Start
ใส่ค่า Device ID และ Claim Code จากหน้า CIMC ที่เราได้บันทึกไว้ก่อนหน้านี้ ตามตัวอย่างภาพด้านล่าง
เมื่อใส่ค่าเสร็จแล้ว Intersight จะทำการเชื่อมต่อกับ Hyperflex Edge Node ที่เราใส่ค่าไว้ เราสามารถเห็นข้อมูลต่าง ๆ ของ Node นั้น ๆ ได้ จากนั้นให้ไปยัง Navigator ด้านบน เลือกเมนู Infrastructure Service
ไปยัง Profiles และคลิก Create HyperFlex Cluster Profile เพื่อทำการสร้าง Profiles และ Policies ในการ Deploy Configuraton ให้กับระบบ HCI
เมื่อเข้ามาแล้ว ให้ทำการเลือกไปยังเมนู Edge และคลิกปุ่ม Start
สร้างชื่อของ Profile และทำการเลือก Hyperflex Data Platform Version จากตัวอย่างด้านล่าง บทความนี้ได้เลือกเป็น Version ล่าสุดคือ 5.0(2c) ในการ Deploy ระบบ Hyperflex Edge ให้กับ Node Cluster ที่ได้ Claim เข้ามาใน Intersight เรียบร้อยแล้วนั่นเองครับ
ทำการเลือก Node ในการ Deploy โดยสามารถ Assign Nodes ลงใน Node ที่ขึ้นมาด้านล่างได้ เมื่อเลือกเสร็จแล้วให้ทำการกดปุ่ม Next
ใส่ค่า Cluster Configurtion ที่สำคัญ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการ deploy ระบบ เช่น Security, DNS, NTP, Timezone, vCenter IP เป็นต้น
ตามภาพด้านล่าง เมื่อเราใส่ค่าเหล่านี้ ตัว Intersight จะไปสร้าง Policies ให้ผู้ดูแลระบบอัตโนมัติ แต่หากเรามีการสร้าง Policies ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เช่น Username/Password ของระบบคืออะไร ก็สามารถดึงมาใช้งานในเมนู Profile ได้เลยเช่นกัน
ใส่ค่า Node Configuration ตามตัวอย่างภาพด้านล่าง
ใส่ค่า Speed ที่ได้เชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์ Switch และ Management VLAN ตามต้องการ เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จแล้วให้ทำการกด Next
ตรวจสอบข้อมูลสรุป Cluster Configuration และ Errors/Warnings Summary หากไม่มี Errors ใด ๆ เราสามารถกดปุ่ม Validate & Deploy ได้
จากนั้น Intersight จะทำการ Deploy Configuration ที่เราได้ตั้งค่าไว้ไปยัง Hyperflex Node เมื่อเสร็จสิ้นการ Deploy แล้ว ให้เราไปยัง IP ของ Hyperflex Connect ซึ่งเป็น Dashboard ของ Hyperflex Edge จะเห็นภาพหน้าจอตามตัวอย่างด้านล่างนี้ซึ่งจะมี 2-Node Cluster และสามารถ Fail ได้ 1 Node อย่างไรก็ตามข้อมูลยังไม่สูญหาย
ไปยังเมนู Datastores และ Create Datastore เพื่อสร้าง Datastore ให้กับ Workload เพื่อใช้งาน เมื่อเราสร้างจาก Hyperflex Connect ระบบจะไปขึ้น Datastore ใน vCenter Server เช่นเดียวกัน เราสามารถใช้งาน Disk จาก Datastore ที่สร้างขึ้นมานี้ได้เลยครับ
ภาพด้านล่างเป็นผลลัพธ์ที่ได้จากการสร้าง Datastore นั่นเองครับ
และนี่คือทั้งหมดของ Step by Step ในการสร้าง Hyperflex Edge จาก Intersight นะครับ เป็นอย่างไรบ้างครับ ลองไปทดลองเล่นบน dCloud ของ cisco เพิ่มเติมกันได้เลยครับ หรือหากมีข้อสงสัยก็สามารถติดต่อมายัง Contact หรือส่งข้อความมาถึงพวกเรากันได้ครับ
#Cisco #AbleNet #Datacenter #Hyperflex #HCI #VMware #vCenter